แนวโน้มราคาโฆษณาดิจิทัลในปัจจุบัน
จากข้อมูลล่าสุดของ Skai พบว่าค่าใช้จ่ายในการโฆษณาดิจิทัลเพิ่มขึ้นในทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นสื่อค้าปลีก การค้นหาแบบเสียค่าใช้จ่าย หรือโซเชียลมีเดียแบบจ่ายเงิน โดยเฉพาะในไตรมาสที่ 2 ของปี 2567 แม้ราคาจะปรับตัวสูงขึ้นก็ตาม
ตัวเลขที่น่าสนใจ
- ค่าใช้จ่ายใน สื่อค้าปลีก เพิ่มขึ้น 21% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
- ค่าใช้จ่ายใน การค้นหาแบบเสียค่าใช้จ่าย เพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
- ค่าใช้จ่ายใน โซเชียลมีเดียแบบจ่ายเงิน เพิ่มขึ้น 13% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
ภาพรวมการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่เกิดจากราคาที่สูงขึ้น แม้ว่าปริมาณโฆษณา (เช่น คลิกและการแสดงผล) จะเริ่มชะลอตัวหรือแม้กระทั่งลดลงในบางช่องทาง
อย่างไรก็ตาม แม้ราคาจะสูงขึ้น แต่ตัวชี้วัดสำคัญอย่าง อัตราการแปลง (Conversion Rate) ยังคงอยู่ในระดับดี ซึ่งสะท้อนถึงประสิทธิภาพของโฆษณาที่พัฒนาขึ้น
ทำไมเรื่องนี้จึงสำคัญ
แม้ว่าราคาจะสูงขึ้น แต่อัตราการแปลงที่คงที่แสดงให้เห็นถึงโอกาสสำหรับนักโฆษณาที่ปรับตัวได้ดีในตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในยุคที่ AI และเทคโนโลยีใหม่ๆ มีบทบาทสำคัญ
การเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจ
การเปลี่ยนไปใช้รูปแบบโฆษณาใหม่ๆ เช่น Google Performance Max และ Meta’s Advantage Shopping Campaigns+ กำลังส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของพลวัตในตลาด
- Google Performance Max คิดเป็น 13% ของค่าใช้จ่ายในการค้นหาแบบเสียค่าใช้จ่าย
- ค่าใช้จ่ายใน Meta’s Advantage Shopping Campaigns+ เพิ่มขึ้นเกือบ 6 เท่า เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว แต่ยังมีสัดส่วนเพียง 5% ของค่าใช้จ่ายใน Meta
TBS Marketing แนะนำให้ธุรกิจติดตามแนวโน้มนี้อย่างใกล้ชิด และปรับตัวเพื่อรักษาประสิทธิภาพในตลาดที่เต็มไปด้วยความท้าทาย โดยนักการตลาดที่กำลังปรับกลยุทธ์เพื่อรับมือกับราคาที่เพิ่มสูงขึ้น ควรพิจารณาว่า แนวโน้มในอดีตชี้ให้เห็นว่าการปรับขึ้นของราคาโฆษณาอาจเป็นเพียงสถานการณ์ชั่วคราวเท่านั้น
ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเพิ่มขึ้นของราคาค่าโฆษณา
ราคาของโฆษณาดิจิทัลที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในทุกช่องทาง มีสาเหตุมาจากปัจจัยสำคัญหลายประการ ดังนี้
- การแข่งขันที่สูงขึ้น ธุรกิจจำนวนมากหันมาใช้การตลาดดิจิทัลมากขึ้น ทำให้เกิดการแข่งขันแย่งชิงพื้นที่โฆษณาที่มีจำกัด
- พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลง ที่มีการใช้สื่อดิจิทัลเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้แพลตฟอร์มต่างๆ ปรับขึ้นราคาค่าโฆษณา เนื่องจากมีผู้ใช้งานและใช้เวลาออนไลน์เพิ่มขึ้น
- เทคโนโลยีการโฆษณาที่พัฒนา แพลตฟอร์มโฆษณามีการพัฒนาเครื่องมืออย่างการนำ AI และเครื่องมือใหม่ๆ มาใช้ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ แต่ก็ส่งผลให้ต้นทุนสูงขึ้น
- ความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายความเป็นส่วนตัว ส่งผลให้การเก็บข้อมูลเพื่อการโฆษณาแบบเจาะจงกลุ่มเป้าหมายทำได้ยากขึ้น ทำให้ต้นทุนการเข้าถึงเป้าหมายที่ต้องการสูงขึ้นตามไปด้วย
- ปัจจัยทางเศรษฐกิจ ภาวะเงินเฟ้อและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจส่งผลต่อราคาของทุกอย่าง รวมถึงโฆษณาเช่นเดียวกัน
- การปรับอัลกอริธึม ที่มีการปรับเปลี่ยนบ่อยครั้งของสองแพลตฟอร์มหลักอย่าง Google และ Meta ทำให้นักการตลาดจำเป็นต้องเพิ่มงบประมาณเพื่อให้สามารถรักษาผลลัพธ์ได้ตามเป้าหมาย
- โฆษณารูปแบบใหม่ เช่น วิดีโอสั้น หรือโฆษณาบนแพลตฟอร์ม e-commerce ที่กำลังได้รับความนิยม ทำให้ราคาโฆษณาในช่องทางเหล่านี้ปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
TBS Marketing แนะนำว่าควรทำความเข้าใจปัจจัยเหล่านี้อย่างถ่องแท้ เนื่องจากจะช่วยให้นักการตลาดและธุรกิจสามารถวางแผนกลยุทธ์การโฆษณาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น พร้อมทั้งเตรียมความพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของราคาค่าโฆษณาในอนาคต
ผลกระทบต่อธุรกิจและนักการตลาด
การเพิ่มขึ้นของราคาโฆษณาดิจิทัลส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อธุรกิจและนักการตลาด ดังนี้
- ต้นทุนที่สูงขึ้น เนื่องจากธุรกิจต้องใช้งบประมาณมากขึ้นในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายเดิม ส่งผลให้ต้นทุนต่อการได้มาซึ่งลูกค้า (Customer Acquisition Cost) เพิ่มสูงขึ้น
- การลดขนาดแคมเปญ ธุรกิจบางรายต้องปรับลดงบประมาณและความถี่ของแคมเปญโฆษณาลง ส่งผลต่อการเติบโตในระยะยาว
- ความท้าทายในการรักษา ROI นักการตลาดต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อรักษาผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) ให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ ท่ามกลางต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น
- คุณภาพมาก่อนปริมาณ การลงทุนในเนื้อหาและโฆษณาที่มีคุณภาพสูงกลายเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อความคุ้มค่ากับงบประมาณที่ใช้ไป
- การปรับกลยุทธ์การตลาด ที่อาจต้องใช้ช่องทางการตลาดอื่นๆ เช่น Organic Marketing หรือ Influencer Marketing เพื่อลดการพึ่งพาโฆษณาแบบจ่ายเงิน
- ความกดดันในการวัดผลและการรายงาน การรายงานผลต้องมีความละเอียดและน่าเชื่อถือมากขึ้น เพื่อแสดงให้เห็นถึงความคุ้มค่าของการลงทุนโฆษณา
- การ Retargeting โดยธุรกิจอาจต้องให้ความสำคัญมากขึ้น เพื่อเพิ่มโอกาสในการแปลงลูกค้าที่เคยมีปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์แล้ว
- ทักษะและเครื่องมือใหม่ นักการตลาดต้องเรียนรู้เครื่องมือและเทคนิคใหม่ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการแคมเปญโฆษณา
TBS Marketing แนะนำให้ธุรกิจมุ่งเน้นการสร้างกลยุทธ์การตลาดแบบองค์รวม โดยไม่พึ่งพาช่องทางใดช่องทางหนึ่งมากเกินไป และควรให้ความสำคัญกับการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพแคมเปญอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ การลงทุนในการสร้างแบรนด์และรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าในระยะยาวจะช่วยลดผลกระทบจากต้นทุนโฆษณาที่สูงขึ้นได้
กลยุทธ์ปรับตัวรับมือราคาโฆษณาที่สูงขึ้น
ในสภาวะที่ราคาค่าลงโฆษณดิจิทัลปรับตัวสูงขึ้น ธุรกิจและนักการตลาดจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การตลาดเพื่อรักษาประสิทธิภาพของการลงทุนด้านการตลาด โดยกลยุทธ์สำคัญที่ควรพิจารณามีดังนี้
- เพิ่มประสิทธิภาพการเลือกกลุ่มเป้าหมาย โดยใช้ข้อมูลเชิงลึกและเครื่องมือวิเคราะห์ขั้นสูงในการระบุกลุ่มเป้าหมายที่มีโอกาสที่จะแปรเป็นลูกค้าสูงสุด เพื่อลดการสูญเสียงบประมาณกับกลุ่มที่ไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายจริงๆ
- ปรับปรุงคุณภาพของเนื้อหาโฆษณา อย่างการสร้างโฆษณาที่น่าสนใจและตรงใจกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น เพื่อเพิ่มอัตราการคลิกและคอนเวอร์ชัน ช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นแม้ใช้งบประมาณเท่าเดิม
- ทดสอบและปรับปรุงอย่างสม่ำเสมอ เช่น การทำ A/B Testing เพื่อค้นหาวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุด ทั้งในแง่ของข้อความ รูปภาพ และการเลือกกลุ่มเป้าหมาย
- ใช้เทคโนโลยี AI ในการบริหารจัดการแคมเปญ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนในระยะยาว
- มุ่งเน้นการสร้างความภักดีต่อแบรนด์ ควรลงทุนในการรักษาลูกค้าเก่าและสร้างความสัมพันธ์ระยะยาว ซึ่งมีต้นทุนต่ำกว่าการหาลูกค้าใหม่
- ใช้กลยุทธ์การตลาดหลายช่องทาง ใช้กลยุทธ์ Omni-channel เพื่อกระจายความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงลูกค้า โดยไม่พึ่งพาช่องทางใดช่องทางหนึ่งมากเกินไป
- เน้นการตลาดแบบ Organic ลงทุนในการสร้างเนื้อหาคุณภาพเพื่อเพิ่ม Organic Traffic ซึ่งมีต้นทุนต่ำกว่าการซื้อโฆษณาในระยะยาว
- ใช้ประโยชน์จาก User-Generated Content เพื่อส่งเสริมให้ลูกค้าเป็นผู้ผลิตคอนเทนต์ขึ้นมาเอง ซึ่งช่วยประหยัดต้นทุนและสร้างความน่าเชื่อถือ
- สร้างพันธมิตรทางธุรกิจ ร่วมมือกับแบรนด์ที่มีกลุ่มเป้าหมายใกล้เคียงกัน เพื่อแบ่งปันต้นทุนและขยายฐานลูกค้า
- ติดตามและวิเคราะห์ผลอย่างละเอียด ใช้เครื่องมือช่วยวิเคราะห์ในการติดตามผลการดำเนินงาน และปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ได้อย่างรวดเร็ว
TBS Marketing ขอชี้ให้เห็นว่า การปรับตัวในสถานการณ์ที่ราคาโฆษณาสูงขึ้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ด้วยการวางแผนที่ดีและกลยุทธ์ที่เหมาะสม ธุรกิจจะสามารถรักษาประสิทธิภาพของการตลาดดิจิทัลได้ สิ่งสำคัญคือการมีความยืดหยุ่น พร้อมปรับตัวและไม่หยุดเรียนรู้เทคนิคใหม่ๆ เพื่อให้สามารถแข่งขันในตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว