ปรับตัวหรือหลุดกระแส เหตุผลที่กลยุทธ์ SEO แบบเก่าต้องเปลี่ยน

03 กุมภาพันธ์ 2025

Table of Content
    google algorithm

    อัลกอริทึมของ Google ที่เปลี่ยนไปในปัจจุบัน

    ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา Google ได้ปรับอัลกอริทึมเพื่อปรับปรุงคุณภาพการค้นหา โดยการอัปเดตครั้งล่าสุดที่สำคัญต่อการใช้งาน คือ “Helpful Content Update” ซึ่งเป็นอัลกอริทึมมุ่งเน้นไปที่การนำเสนอเนื้อหาที่มีคุณภาพและมีประโยชน์ต่อผู้ใช้งานมากที่สุด

    อัลกอริทึมใหม่นี้มีการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการวิเคราะห์คุณภาพของเนื้อหาอย่างละเอียด โดยมีปัจจัยนำไปสู่การพิจารณา เช่น 

    • ความครบถ้วนของเนื้อหา
    • ความน่าเชื่อถือของแหล่งข้อมูล
    • ความทันสมัยของข้อมูล
    • ประสบการณ์การใช้งานของผู้เข้าชมเว็บไซต์ (User Experience)

    นอกจากนี้ Google ยังให้ความสำคัญกับ E-A-T (Expertise, Authoritativeness, Trustworthiness) มากยิ่งขึ้น ส่งผลให้เว็บไซต์ที่มีคุณภาพสูงและมีความน่าเชื่อถือเฉพาะทางในด้านนั้น ๆ จะได้รับการจัดอันดับที่ดีกว่า 

    การอัปเดตอื่น ๆ ที่สำคัญ ได้แก่

    • Page Experience Update: ให้ความสำคัญกับประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะความเร็วในการโหลดเว็บไซต์และการแสดงผลที่เสถียรบนทุกอุปกรณ์
    • MUM (Multitask Unified Model): มีการใช้ AI ที่สามารถเข้าใจภาษาได้ลึกซึ้ง ทำให้ Google ตอบคำถามที่ซับซ้อนได้อย่างแม่นยำและครอบคลุมมากขึ้น 
    • BERT (Bidirectional Encoder Representations from Transformers): ช่วยให้ Google เข้าใจความหมายและบริบทของคำในประโยคได้ดีขึ้น ส่งผลให้การค้นหามีความแม่นยำมากยิ่งขึ้น

    การปรับอัลกอริทึมเหล่านี้ส่งผลให้กลยุทธ์การทำ SEO แบบเดิม อย่างการยัดไส้คีย์เวิร์ด (Keyword Stuffing) หรือการสร้างลิงก์ที่ไม่มีคุณภาพ ไม่ก่อให้เกิดผลดีต่ออันดับอีกต่อไป ดังนั้น นักการตลาดจำเป็นต้องปรับตัวและเน้นการสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพและตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งาน

    TBS Marketing เราตระหนักถึงความสำคัญของการปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลงของอัลกอริทึม Google อีกทั้ง เทคนิคการทำ SEO ที่ทันสมัยและคงประสิทธิภาพ เพื่อช่วยให้ลูกค้าของเราสามารถรักษาและพัฒนาอันดับในผลการค้นหาได้อย่างมั่นคง โดยที่เรามุ่งเน้นการสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพและปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้อย่างต่อเนื่อง

    ความสำคัญของคุณภาพเนื้อหาและประสบการณ์ผู้ใช้

    ในยุคดิจิทัลที่ก้าวหน้าอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน  การสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพและประสบการณ์ของผู้ใช้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความสำเร็จของการทำ SEO นักการตลาดจึงจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับปัจจัยเหล่านี้มากขึ้น เพื่อรักษาอันดับในผลการค้นหาและสร้างความน่าสนใจในการดึงดูดผู้เข้าชมเว็บไซต์

    เนื้อหาคุณภาพ คือหัวใจหลักที่สำคัญในการช่วยสร้างความน่าเชื่อถือและความไว้วางใจจากผู้อ่าน เนื้อหาที่ดีควรมีลักษณะดังนี้

    • ถูกต้องและทันสมัย
    • ให้ข้อมูลที่ครบถ้วนและลึกซึ้ง
    • ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย
    • มีแหล่งอ้างอิงที่เชื่อถือได้
    • นำเสนอในรูปแบบที่เข้าใจง่ายและน่าสนใจ

    นอกจากนี้ ประสบการณ์ของผู้ใช้ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่สำคัญต่ออันดับในผลการค้นหา Google ไม่แพ้กัน เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีต่อผู้ใช้ จึงควรให้ความสำคัญกับเว็บไซต์โดยพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น

    • ความเร็วในการโหลดหน้าเว็บ
    • การออกแบบที่รองรับการใช้งานบนอุปกรณ์มือถือ (Mobile-friendly)
    • โครงสร้างเว็บไซต์ที่ใช้งานง่ายและมีการนำทางที่ชัดเจน
    • ความปลอดภัยของเว็บไซต์ (เช่น HTTPS)
    • การไม่มีโฆษณาที่รบกวนการใช้งาน

    การปรับปรุงคุณภาพเนื้อหาและประสบการณ์ผู้ใช้งานไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มอันดับในผลการค้นหาเท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มอัตราการมีส่วนร่วมของผู้เข้าชม ลดอัตราการตีกลับ และเพิ่มโอกาสในการเปลี่ยนผู้เข้าชมให้กลายเป็นลูกค้าได้อีกด้วย 

    TBS Marketing เราเข้าใจดีว่าเนื้อหาที่ดีและประสบการณ์ผู้ใช้ที่ยอดเยี่ยมคือหัวใจของการตลาดออนไลน์ที่ประสบความสำเร็จ ทีมผู้เชี่ยวชาญของเราพร้อมช่วยวิเคราะห์และปรับปรุงเว็บไซต์ของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มั่นใจว่าเว็บไซต์จะทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ทั้งในแง่ของ SEO และการสร้างความพึงพอใจให้กับผู้ใช้งาน เรามุ่งมั่นที่จะช่วยให้ลูกค้าของเราประสบความสำเร็จในโลกดิจิทัลได้ในระยะยาว

    เทคนิค SEO ที่ล้าสมัยและควรหลีกเลี่ยงในยุคปัจจุบัน

    ในยุคปัจจุบัน เทคนิค SEO บางอย่างที่เคยให้ผลลัพธ์ที่ดีในอดีตกลับกลายเป็นวิธีที่ล้าสมัยและอาจส่งผลเสียต่อการจัดอันดับของเว็บไซต์ สำหรับนักการตลาดออนไลน์จึงต้องหลีกเลี่ยงเทคนิคเหล่านี้ เพื่อป้องกันการถูกลงโทษจาก Google และรักษาอันดับในผลการค้นหาไว้ 

    เทคนิคที่ควรหลีกเลี่ยงในการทำ SEO ได้แก่

    • การยัดไส้คีย์เวิร์ด (Keyword Stuffing) คือ การใส่คีย์เวิร์ดซ้ำๆ ในเนื้อหาโดยไม่มีความเป็นธรรมชาติ ทำให้ยากต่อการอ่านและไม่ให้คุณค่าอะไรกับผู้อ่าน
    • การสร้างลิงก์ที่ไม่มีคุณภาพ (Low-Quality Link Building) คือ การซื้อลิงก์หรือการแลกลิงก์แบบไม่เกี่ยวข้องกัน ซึ่งอาจทำให้เว็บไซต์ถูกลงโทษได้
    • การใช้เนื้อหาซ้ำซ้อน (Duplicate Content) คือ การคัดลอกเนื้อหาจากแหล่งอื่นหรือการใช้เนื้อหาเดิมซ้ำๆ ในหลายหน้าของเว็บไซต์
    • การซ่อนข้อความหรือลิงก์ (Hidden Text or Links) คือ การซ่อนข้อความหรือลิงก์ในหน้าเว็บเพื่อหลอกเครื่องมือค้นหา
    • การใช้ Cloaking คือ การแสดงเนื้อหาที่แตกต่างกันระหว่างเครื่องมือค้นหากับผู้ใช้จริง

    นอกจากนี้ ยังมีเทคนิคอื่นๆ ที่ควรระมัดระวังในการใช้งาน เช่น

    • การใช้ Exact Match Domain ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เป็นเทคนิคที่ผิดโดยตรง แต่การพึ่งพาโดเมนที่ตรงกับคีย์เวิร์ดมากเกินไปอาจไม่ได้ผลดีเท่าในอดีต
    • การเน้นการทำ SEO เฉพาะหน้าแรก ควรให้ความสำคัญกับการทำ SEO ทุกหน้าของเว็บไซต์ ไม่ใช่เฉพาะหน้าแรกเท่านั้น
    • การใช้ Meta Keywords เนื่องจาก Google ไม่ได้ใช้ Meta Keywords ในการจัดอันดับแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องใส่ใจกับส่วนนี้มากนัก

    แทนที่จะใช้เทคนิคเหล่านี้ นักการตลาดควรมุ่งเน้นไปที่การสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพ การปรับปรุงประสบการณ์ใช้งานของผู้ใช้ รวมถึงการสร้างลิงก์ที่มีคุณภาพ

    TBS Marketing เราใช้เทคนิคการทำ SEO ที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพ โดยหลีกเลี่ยงเทคนิคที่ล้าสมัยและเสี่ยงต่อการถูกลงโทษ โดยเรามุ่งเน้นไปที่การสร้างกลยุทธ์ SEO ที่ให้ความมั่นคงในระยะยาวและสอดคล้องกับแนวทางของ Google เพื่อช่วยให้ลูกค้าของเราเพิ่มอันดับในการค้นหาและสร้างโอกาสในการเติบโตทางธุรกิจได้อย่างมั่นคง

    กลยุทธ์ SEO ที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพในยุคดิจิทัล

    ในยุคดิจิทัลที่มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว กลยุทธ์ SEO แบบเดิมที่ล้าสมัยอาจไม่เหมาะสมอีกต่อไป นักการตลาดจำเป็นต้องปรับตัวและเปลี่ยนไปใช้เทคนิคใหม่ที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นในการรักษาและเพิ่มอันดับในผลการค้นหา โดยกลยุทธ์การทำ SEO ที่ทันสมัยและควรนำมาใช้ในปัจจุบัน มีดังนี้

    • การสร้างเนื้อหาแบบ Topic Clusters แทนที่จะเน้นเพียงคีย์เวิร์ดเดียว ควรสร้างกลุ่มเนื้อหาที่ครอบคลุมหัวข้อนั้นๆ อย่างลึกซึ้ง โดยมีหน้าหลัก (Pillar Page) และหน้าย่อยที่เชื่อมโยงกัน
    • การใช้ AI และ Machine Learning ใช้เทคโนโลยี AI ในการวิเคราะห์ข้อมูล การหาคีย์เวิร์ด และการสร้างเนื้อหาที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้
    • การทำ Voice Search Optimization ปรับเว็บไซต์ให้รองรับการค้นหาด้วยเสียง โดยเน้นการใช้คำถามและประโยคที่เป็นธรรมชาติ
    • การสร้าง User-Generated Content ส่งเสริมให้ผู้ใช้สร้างเนื้อหาต่างๆ เช่น รีวิว คอมเมนต์ หรือบทความ เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือและการมีส่วนร่วมของผู้เข้าชม
    • การทำ Video SEO สร้างและปรับแต่งวิดีโอให้ติดอันดับในผลการค้นหา โดยการใช้คีย์เวิร์ดในชื่อ คำอธิบาย และคำบรรยาย
    • การใช้ Schema Markup เพิ่ม Structured Data เพื่อช่วยให้ Google เข้าใจเนื้อหาของเว็บไซต์ได้ดีขึ้นและแสดงผลการค้นหาในรูปแบบ Rich Snippets
    • การทำ Mobile-First Indexing ให้ความสำคัญกับการออกแบบเว็บไซต์สำหรับมือถือเป็นหลัก เนื่องจาก Google ใช้เวอร์ชันมือถือในการจัดอันดับ
    • การสร้าง E-A-T (Expertise, Authoritativeness, Trustworthiness) ที่แสดงถึงความเชี่ยวชาญ อำนาจ และความน่าเชื่อถือให้เนื้อหาและโครงสร้างเว็บไซต์

    การนำกลยุทธ์เหล่านี้มาใช้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้การทำ SEO และสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันทางธุรกิจ อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องนำไปปรับใช้ให้เหมาะสมกับธุรกิจและกลุ่มเป้าหมายของคุณ

    TBS Marketing เรามีทีมผู้เชี่ยวชาญด้าน SEO ที่คอยติดตามแนวโน้มและการเปลี่ยนแปลงล่าสุดอยู่เสมอ เราพร้อมที่จะช่วยคุณวางแผนและดำเนินกลยุทธ์ SEO ที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ธุรกิจของคุณเติบโตอย่างยั่งยืนในโลกดิจิทัล ไม่ว่าจะธุรกิจขนาดเล็กหรือองค์กรขนาดใหญ่ เราสามารถปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับความต้องการเฉพาะของคุณได้ ติดต่อเราวันนี้เพื่อรับคำปรึกษาและเริ่มต้นการเดินทางสู่ความสำเร็จในโลกออนไลน์ไปพร้อมกัน

    admin

    Scroll to Top