การเปลี่ยนแปลงในระบบประมูลโฆษณาของ Google
Google กำลังปรับเปลี่ยนวิธีการแข่งขันในการประมูลโฆษณาของแคมเปญ Performance Max และ Standard Shopping ซึ่งจะเริ่มมีผลตั้งแต่เดือนตุลาคมนี้
การเปลี่ยนแปลงสำคัญ:
- แคมเปญ Performance Max จะไม่มีลำดับความสำคัญเหนือแคมเปญ Standard Shopping โดยอัตโนมัติอีกต่อไป
- Ad Rank หรืออันดับโฆษณาที่สูงที่สุดจะเป็นตัวกำหนดว่าโฆษณาใดจะได้รับการแสดงเมื่อมีแคมเปญที่ทับซ้อนกัน
- การปรับเปลี่ยนนี้จะทำให้แคมเปญทั้งสองประเภททำงานในรูปแบบเดียวกับแคมเปญประเภทอื่น ๆ ที่อยู่ในระบบประมูลของ Google
ทำไมต้องใส่ใจ: การเปลี่ยนแปลงนี้จะเปลี่ยนวิธีการแข่งขันของแคมเปญ Performance Max และ Standard Shopping ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อกลยุทธ์การดำเนินแคมเปญและประสิทธิภาพในช่วงเวลาสำคัญ เช่น วันหยุด โดยการอัปเดตนี้จะให้ความยืดหยุ่นมากขึ้น แต่ก็ต้องการการปรับแต่งอย่างละเอียดเพื่อให้แคมเปญสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในช่วงเวลาสำคัญของปี
ตัวเลขที่น่าสนใจ:
- Performance Max สร้าง ROAS (Return on Ad Spend) ที่สูงกว่า 17% เมื่อเทียบกับแคมเปญโซเชียลที่ขับเคลื่อนด้วย AI ในช่วงเทศกาลวันหยุดไตรมาสที่ 4 ของปี 2023 (ข้อมูลจากการศึกษาของ TransUnion)
ระหว่างบรรทัด: Google มุ่งมั่นที่จะให้ความยืดหยุ่นที่มากขึ้นและทำให้การทดสอบเป็นเรื่องง่ายขึ้น พร้อมทั้งรักษาหรือปรับปรุงประสิทธิภาพในระดับบัญชี
สิ่งที่ Google กล่าว: Google คาดว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลกระทบที่เป็นกลางหรือเชิงบวกต่อประสิทธิภาพในระดับบัญชี
สิ่งที่ต้องจับตามอง:
- การปรับงบประมาณและเป้าหมายของนักโฆษณาเพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงนี้
- ผลกระทบต่อกลยุทธ์การจัดการแคมเปญ
- แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดสำหรับนักโฆษณาในการใช้แคมเปญ Performance Max อย่างมีประสิทธิภาพ
แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุด:
- ปรับงบประมาณและเป้าหมายตามความจำเป็น
- ตรวจสอบให้แน่ใจว่าแคมเปญ Performance Max ปฏิบัติตามหลักการพื้นฐาน ได้แก่:
- การขยาย URL
- กลุ่มสินทรัพย์ที่แข็งแกร่ง
- ครีเอทีฟและวิดีโอที่มีคุณภาพสูง
ภาพรวม: การเปลี่ยนแปลงนี้สอดคล้องกับความพยายามของ Google ในการผลักดันโฆษณาที่ขับเคลื่อนด้วย AI โดยยังคงให้ความสามารถในการควบคุมแก่ผู้โฆษณา
บทสรุป: นักโฆษณาควรเตรียมตัวในการปรับกลยุทธ์เพื่อใช้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ โดยเฉพาะในช่วงฤดูกาลช้อปปิ้งวันหยุด
สำหรับผู้ที่สนใจในเรื่อง SEO ในประเทศไทย การเปลี่ยนแปลงนี้อาจส่งผลกระทบต่อกลยุทธ์การตลาดดิจิทัลโดยรวม จึงควรติดตามการเปลี่ยนแปลงนี้อย่างใกล้ชิด และปรับกลยุทธ์ SEO ให้สอดคล้องกับการอัปเดตในระบบโฆษณาของ Google เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำการตลาดออนไลน์ให้สูงสุด
ผลกระทบต่อนักการตลาดและธุรกิจออนไลน์
การเปลี่ยนแปลงในระบบประมูลโฆษณาของ Google ส่งผลกระทบโดยตรงต่อนักการตลาดและธุรกิจออนไลน์ในประเทศไทย โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลช้อปปิ้งปลายปีที่ใกล้เข้ามา ซึ่งจะทำให้การปรับกลยุทธ์และการเตรียมความพร้อมกลายเป็นสิ่งสำคัญมากขึ้น
ผลกระทบที่สำคัญ:
- การแข่งขันที่เพิ่มขึ้น: เนื่องจาก Performance Max ไม่ได้มีความได้เปรียบโดยอัตโนมัติอีกต่อไป นักการตลาดจำเป็นต้องปรับกลยุทธ์เพื่อให้สามารถแข่งขันในตลาดที่มีการแข่งขันสูงขึ้น
- การปรับเปลี่ยนงบประมาณ: ธุรกิจต้องจัดสรรงบประมาณใหม่ระหว่าง Performance Max และ Standard Shopping campaigns ให้เหมาะสม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
- ความจำเป็นในการพัฒนาทักษะ: นักการตลาดต้องเรียนรู้วิธีการใหม่ในการปรับแต่ง Ad Rank เพื่อเพิ่มโอกาสในการแสดงโฆษณา
โอกาสสำหรับธุรกิจ:
- ความยืดหยุ่นมากขึ้น: การเปลี่ยนแปลงนี้เปิดโอกาสให้ธุรกิจสามารถทดลองและปรับแต่งแคมเปญได้มากขึ้นตามความต้องการ
- การทดสอบที่มีประสิทธิภาพ: ธุรกิจสามารถเปรียบเทียบประสิทธิภาพของ Performance Max และ Standard Shopping campaigns ได้ง่ายขึ้น เพื่อปรับกลยุทธ์ให้ดีขึ้น
- โอกาสสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก: ธุรกิจขนาดเล็กอาจมีโอกาสแข่งขันในตลาดที่มีการแข่งขันสูง หากสามารถปรับแต่งแคมเปญได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ความท้าทายที่ต้องเผชิญ:
- การปรับตัวในระยะสั้น: ธุรกิจอาจประสบปัญหาในการปรับตัวให้เข้ากับระบบใหม่ในช่วงแรก ส่งผลให้ประสิทธิภาพของแคมเปญลดลง
- ความซับซ้อนที่เพิ่มขึ้น: การจัดการแคมเปญอาจซับซ้อนขึ้น เพราะต้องพิจารณาปัจจัยหลายอย่างในการปรับแต่ง Ad Rank
- การแข่งขันด้านราคาที่อาจเพิ่มขึ้น: การแข่งขันด้านราคาที่สูงขึ้นในบางหมวดหมู่สินค้าอาจทำให้ต้นทุนต่อคลิกเพิ่มขึ้น
การเตรียมตัวสำหรับนักการตลาดและธุรกิจออนไลน์
การเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงนี้เป็นสิ่งสำคัญ โดยการติดตามผลการดำเนินงานอย่างใกล้ชิด การทดสอบกลยุทธ์ต่างๆ และการปรับตัวอย่างรวดเร็วจะช่วยให้ธุรกิจสามารถใช้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงนี้ในช่วงเทศกาลช้อปปิ้งปลายปีได้
การให้ความสำคัญกับ SEO ควบคู่ไปกับการโฆษณาจ่ายเงินยังคงเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญ เนื่องจาก SEO ช่วยเพิ่มการมองเห็นของแบรนด์และลดต้นทุนการได้มาซึ่งลูกค้าในระยะยาว
กลยุทธ์การโฆษณาสำหรับช่วงเทศกาลปีใหม่
ช่วงเทศกาลปีใหม่เป็นเวลาสำคัญสำหรับนักการตลาดและธุรกิจออนไลน์ในประเทศไทยในการปรับกลยุทธ์การโฆษณาให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของ Google และพฤติกรรมการซื้อของลูกค้าที่เปลี่ยนไป ต่อไปนี้คือกลยุทธ์ที่ควรทำ:
- ปรับแคมเปญ Performance Max:
- สร้างชุดสินค้าที่หลากหลายและมีคุณภาพ
- ใช้ข้อมูลจากลูกค้าเพื่อปรับเป้าหมายโฆษณา
- ทดสอบและปรับข้อความโฆษณาให้ดีขึ้นเรื่อยๆ
- ปรับแคมเปญ Standard Shopping:
- ทำให้โครงสร้างแคมเปญเฉพาะเจาะจงมากขึ้น
- ใช้กลยุทธ์การประมูลอัจฉริยะเพื่อควบคุมค่าใช้จ่าย
- อัปเดตข้อมูลสินค้าที่อยู่ใน Merchant Center ให้ถูกต้องและสมบูรณ์
- ใช้ URL เพื่อช่วยติดตามผล:
- สร้างหน้าเว็บเฉพาะสำหรับโปรโมชั่นในเทศกาล
- ปรับ SEO หน้าเว็บให้ตรงกับคีย์เวิร์ดเทศกาล
- ใช้ URL พิเศษเพื่อติดตามประสิทธิภาพของแคมเปญ
- สร้างวิดีโอคุณภาพสูง:
- ทำวิดีโอสั้นๆ น่าสนใจเกี่ยวกับโปรโมชั่นและสินค้าของเทศกาล
- ใช้ YouTube Shorts เพื่อเข้าถึงผู้ชมที่ชอบดูวิดีโอสั้น
- สร้างวิดีโอแนะนำสินค้าเพื่อแสดงการใช้งานจริง
- ปรับกลยุทธ์การประมูลตามช่วงเวลา:
- เพิ่มการประมูลในช่วงเวลาที่ผู้คนมักซื้อของมากที่สุด
- ใช้ข้อมูลจากปีที่แล้วเพื่อทำนายช่วงเวลาที่มีความต้องการสูง
- ปรับงบประมาณให้เหมาะสมกับช่วงที่มีโอกาสขายสูงสุด
- ใช้โฆษณาบน Social Media:
- ทำแคมเปญ retargeting บน Facebook และ Instagram
- ใช้ TikTok Ads เพื่อเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่
- สร้างโพสต์ที่มีปฏิสัมพันธ์บน LINE เพื่อเพิ่มการมีส่วนร่วม
- สร้างประสบการณ์ลูกค้าที่ดี:
- ปรับปรุงความเร็วเว็บไซต์ให้โหลดเร็วขึ้น
- เตรียมระบบจัดส่งสินค้าให้พร้อม
- ฝึกอบรมทีมบริการลูกค้าให้พร้อมช่วยลูกค้าในช่วงเทศกาล
การใช้กลยุทธ์เหล่านี้จะช่วยให้ธุรกิจสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของ Google และเพิ่มโอกาสในการขายในช่วงเทศกาลปีใหม่
สำหรับผู้ที่สนใจ SEO การผสมกลยุทธ์ SEO กับการโฆษณาจะช่วยให้แคมเปญมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยการปรับ SEO สำหรับหน้าสินค้าในเทศกาล การทำคอนเทนต์ที่เกี่ยวข้อง และการทำ local SEO สำหรับธุรกิจที่มีร้านจริง จะช่วยเสริมกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้
แนวโน้มการช้อปปิ้งออนไลน์ในช่วงวันหยุด
ในช่วงเทศกาลวันหยุดที่ใกล้จะมาถึงนี้ พฤติกรรมการช้อปปิ้งออนไลน์ในประเทศไทยมีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด นักการตลาดและธุรกิจออนไลน์ควรเตรียมตัวให้พร้อม โดยแนวโน้มที่สำคัญมีดังนี้:
- การช้อปปิ้งผ่านมือถือเพิ่มขึ้น:
- คาดว่าในช่วงเทศกาลนี้ การช้อปปิ้งผ่านมือถือจะมีสัดส่วนมากกว่า 70% ของการซื้อสินค้าออนไลน์ทั้งหมด
- ธุรกิจต้องทำให้เว็บไซต์และแอปพลิเคชันใช้งานได้ดีบนมือถือ เพื่อรองรับการซื้อของลูกค้า
- ใช้เทคโนโลยี Progressive Web Apps (PWA) อาจช่วยเพิ่มประสบการณ์การใช้งานบนมือถือ
- การช้อปปิ้งผ่านโซเชียลมีเดีย (Social Commerce)
- แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เช่น Facebook, Instagram, และ TikTok กลายเป็นช่องทางขายสินค้าที่สำคัญมากขึ้น
- การใช้ Live Shopping เพื่อขายสินค้าผ่านวิดีโอสดกำลังได้รับความนิยม
- ธุรกิจควรพัฒนาแผนการขายในโซเชียลมีเดียให้ดี
- ความนิยมสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม:
- ลูกค้าหลายคนให้ความสำคัญกับสินค้าที่ผลิตอย่างยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
- ธุรกิจจึงควรนำเสนอสินค้าที่มีคุณสมบัติเหล่านี้ใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อดึงดูดลูกค้า
- ความปลอดภัยทางไซเบอร์:
- ผู้บริโภคมีความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของข้อมูลส่วนตัวในช่วงช้อปปิ้งออนไลน์
- ธุรกิจต้องลงทุนในระบบรักษาความปลอดภัย และชี้แจงนโยบายความเป็นส่วนตัวให้ลูกค้าเข้าใจชัดเจน
- การใช้เทคโนโลยี AI และ AR:
- AI ช่วยให้ธุรกิจแนะนำสินค้าที่เหมาะสมกับลูกค้าได้ดีขึ้น
- AR (Augmented Reality) ช่วยให้ลูกค้าสามารถทดลองสินค้าก่อนตัดสินใจซื้อ
- ช่วยเพิ่มประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ดี
- การบริการลูกค้า:
- ลูกค้าคาดหวังการบริการที่รวดเร็วและมีคุณภาพ
- การใช้ chatbots หรือระบบตอบคำถามอัตโนมัติจะช่วยให้ธุรกิจตอบสนองลูกค้าได้ตลอดเวลา
- เตรียมทีมบริการลูกค้าให้พร้อมรับมือกับปริมาณคำถามที่เพิ่มขึ้นในช่วงเทศกาล
สำหรับธุรกิจที่ทำ SEO ควรปรับกลยุทธ์ให้เข้ากับแนวโน้มเหล่านี้ เช่น การใช้คำค้นที่เกี่ยวข้องกับเทศกาล ปรับ SEO ให้เหมาะกับมือถือ และสร้างคอนเทนต์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในช่วงวันหยุด